จุดเด่นของเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ SMART HYBRID คือการผสมผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ กับมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION เพื่อเสริมการขับเคลื่อนให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก และชาร์จกระแสไฟ (Regenerative) เข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ช่วยให้อัตราความประหยัดน้ำมันสูงสุดทำได้ถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร และยังช่วยลดการปล่อยมลพิษออกจากเครื่องยนต์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล ด้วยการรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี
SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID โดดเด่นด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่สไตล์รถ MPV ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวาง ขนาดมิติตัวรถมีความยาว 4,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,735 และความสูง 1,690 มิลลิเมตร พร้อมการดีไซน์ทั้งภายนอก และภายใน กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ ผสมผสานด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน GuideMe (Automatic turn-on/off headlight with guide me functionality) สะดวกแม้ยามค่ำคืน ชุดไฟท้ายเป็นแบบ LED แบบ Light Guides และผนึกสัญลักษณ์ Hybrid ที่บริเวณประตูด้านท้าย กระจกมองข้างพับออโต้ (Auto Retractable Outside Mirror) เสาอากาศออกแบบใหม่ และติดตั้งล้ออะลูมิเนียมอัลลอย แบบทูโทน ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185 /65 R15
การออกแบบภายในบริเวณคอนโซลด้านหน้าและแผงประตูสีดำตกแต่งลายไม้สีเทา มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่รองรับการใช้งานอย่างครบครัน มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงพลังงานแบตเตอรี่ และสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ อาทิข้อมูลการขับขี่ Driving G-Force พร้อมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และเชื่อมต่อกับความบันเทิงในทุกเส้นทางด้วยจอแสดงผลระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว ฟังก์ชันเอนเตอร์เทนเมนท์ครบครัน ด้วยเครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน สามารถรองรับการใช้งาน USB และ HDMI
โซนควบคุมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape จับได้ถนัดมือ พร้อมปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มควบคุมระบบสั่งการโทรศัพท์บนพวงมาลัย สะดวกสบายทุกการขับขี่ ด้วย Keyless entry และ Keyless Push Start พร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 2 ตำแหน่ง ทั้งยังสะดวกสบายด้วยช่องวางเครื่องดื่ม 8 ตำแหน่ง พร้อมช่องเป่าลมเย็นบริเวณคอนโซลกลาง และให้ความเย็นสบายอย่างทั่วถึงด้วยระบบปรับอากาศบนเพดานหลังคาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยความกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยเบาะที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมฟังก์ชันการปรับพับเบาะที่เหมาะกับทุกไลฟ์ไสต์ เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 แถวที่สามแบบ 50:50 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร จัดสรรสัมภาระได้อย่างลงตัวกับพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์บริเวณใต้ห้องเก็บสัมภาระ เปิด-ปิด ได้อย่างอิสระ
โครงตัวรถของ SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID ยังคงใช้แพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ ช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน พร้อมเสริมความมั่นใจด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกได้อย่างสมดุล เสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP และการปรับแต่ง module ยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ Idling Stop ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในด้วยระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control),จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether, กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ที่กะระยะในขณะถอยหลัง และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการป้องกันการโจรกรรมด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
เทคโนโลยีการขับเคลื่อนของ SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID จากการติดตั้งมอเตอร์ Integrated Starter Generator (ISG) ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 6Ah 12V ใต้เบาะผู้โดยสารตอนหน้าพร้อมระบบชาร์จกระแสไฟ (Regenerative) เข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ช่วยเสริมการทำงานให้เครื่องยนต์เบนซินรหัส K15B แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร มีความแรง นุ่มนวลมากขึ้น โดยมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 105 แรงม้า และแรงบิด 138 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า สมรรถนะการขับขี่จุดเด่นที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ ช่วงจังหวะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซง รู้สึกได้ว่าไม่ต้องใช้คันเร่งเยอะกดหนักๆ เหมือนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินปกติ ความแรงก็พร้อมพุ่งทะยานได้อย่างคล่องตัว เรียกว่ามีความแรงแบบเพียงพอต่อการใช้งานในทุกช่วงความเร็ว รอบเครื่องที่ใช้ก็ไม่สูงมาก จึงได้ความประหยัดที่คุ้มค่า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เคลมจากโรงงาน 17.9 กม./ลิตร วิ่งจริงก็ทำได้ใกล้เคียงกัน ลองวิ่งนอกเมืองใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด 90-110 กม./ชม เราทำได้ 17-18 กม./ลิตร แถมในเมืองช่วงรถไม่ติดมากวิ่งความเร็วต่ำต่อเนื่องยังทำตัวเลขได้อย่างสวยงามถึงระดับ 15.3 กม./ลิตร เห็นตัวเลขแบบนี้ก็คงพูดได้อย่างเต็มปากมากขึ้นว่าเทคโนโลยี Smart Hybrid ทำให้รถอเนกประสงค์รุ่นนี้มีความคุ้มค่าในการใช้งานมากขึ้น เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรแบบปกติ
ส่วนการควบคุมรถ โดยพื้นฐานของการเซ็ทอัพ พวงมาลัย หรือช่วงล่างจะใกล้เคียงกับ SUZUKI ERTIGA รุ่นมาตรฐาน ระบบพวงมาลัยแบบ แร็คแอนด์พิเนียน ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง กับด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง และระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์ พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดรัม อาการต่างๆที่เกิดขึ้นในการควบคุมรถจึงแทบไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนน้ำหนักพวงมาลัยจะเพิ่มมากขึ้น การเลี้ยวรู้สึกนิ่ง หนักแน่นกว่า ERTIGA รุ่นมาตรฐานเล็กน้อย ส่วนช่วงล่างของรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ ออกแนวผสมผสานระหว่างความนุ่มนวล และความหนึบแบบพอดีๆ ขับแล้วไม่รู้สึกโยน ย้วย หรือ แข็งกระด้าง ถือว่าช่วงล่างทำออกมาได้ดีเหมาะสมกับตัวรถขนาดใหญ่ที่ต้องรองรับผู้โดยสารมากถึง 7 ที่นั่ง
สำหรับการทำตลาด SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID ในปี 2024 ยังคงมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ราคาค่าตัวล่าสุดมีการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ทางตลาดในปัจจุบัน
- SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID GL ราคา 689,000 บาท
- SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID GX ราคา 755,000 บาท
สุดท้ายนี้ถ้าต้องการสอบถามข้อมูลการขับขี่ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่รถยนต์รุ่นนี้ สามารถฝากข้อความไว้ที่แฟนเพจ FACEBOOK : Drivingplace.com ได้เลยครับ
TEST DRIVE by WWW.DRIVINGPLACE.COM