มกราคม 17, 2568

Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

New Mazda CX- 5 | Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd. | บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Drivingplace.com แหล่งรวม :: ข่าวสารยานยนต์ :: รถใหม่ :: ทดสอบรถ :: เทคนิคการขับรถ :: ครบทุกรูปแบบ!

รีวิว ลองขับ MAZDA 2 ดีเซล XDL SKYACTIV-D ตัวตึง ดูแลถึง ขับสนุก คุ้มค่าตัว! | รีวิวรถใหม่ 2024 Drivingplace Featured

Mazda 2 2024 รุ่นปรับโฉม ยังคงเน้นทำตลาดด้วย 2 ดีไซน์ใหม่ทั้ง Sport Design และ New Wave Design รวมถึงรุ่นพิเศษอย่าง Rookie Drive และ Clap Pop ให้ความแตกต่างโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ บ่งบอกความเป็นตัวตนได้แบบไม่ซ้ำทาง มีให้เลือกถึง 83 ดีไซน์ ทั้งรูปลักษณ์ การเลือกใช้สีภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาตกแต่งในแต่ละรุ่น เพื่อตอบโจทย์ตัวตนที่แตกต่างของลูกค้ายุคใหม่ ส่วนรุ่นที่เรานำมาทดลองขับในครั้งนี้ คือรุ่นท็อป MAZDA 2 XDL SKYACTIV-D ตัวถังแฮทช์แบคยอดนิยม มีการปรับโฉมใหม่แบบ Sport Design พร้อมปรับปรุงออฟชั่นมาตรฐานหลายรายการ ภายใต้ราคา 830,000 บาท (ถ้ารวมส่วนลด และของแถมภายใต้โปรโมชั่นล่าสุดที่มาสด้าแจ้งไว้ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 7 แสนบาท เท่านั้น ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว)

สำหรับการทำตลาดล่าสุด MAZDA 2 และรถยนต์ MAZDA ทุกรุ่น ในช่วงนี้จะมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุดยั่วใจ Mazda Super Offer ข้อเสนอในฝันที่ใครๆ ก็อยากจับจอง ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกับงานมอเตอร์โชว์ รับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ Mazda Ultimate Service (MUS) 5 ปี ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance รวมมูลค่าสูงสุด 100,861 บาท เมื่อจองรถมาสด้าทุกรุ่นยังรับฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ มูลค่า 2,890 บาท นอกจากนี้ มาสด้ายังมอบข้อเสนอเพิ่มเติมสำหรับ Mazda Family หรือ เจ้าของรถยนต์มาสด้า และครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 7 เม.ย. 67 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศและที่บูธมาสด้าในงานมอเตอร์โชว์ 2024

MAZDA 2 XDL รุ่นนี้จะเน้นรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตดุดัน หรือ Sport Design กระจังหน้าลายตาข่ายรังผึ้งสีดำ Mesh Grille รับกับโคมไฟหน้าเรียวคมแบบโปรเจคเตอร์ LED พร้อมกันชนหน้าทรงใหม่ และด้านท้ายรถยังคงโดดเด่นด้วยชุดไฟท้ายรูปทรงกับตัวรถ นอกจากนี้ยังตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตในโทนดำรอบคัน ทั้งกระจกมองข้างสีดำ, หลังคาสีดำ, ล้อลายใหม่ทูโทนสีดำตัดสีเงินปัดเงาวิ๊งๆขนาด 16 นิ้ว  

ภายในห้องโดยสารความแปลกใหม่มองเห็นเด่นชัดกับเบาะหนังสีดำสลับผ้า Grand Luxe Suede เดินตะเข็บสีแดง และตกแต่งกรอบช่องแอร์ด้วยสีแดง ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารออฟชั่นต่างๆก็ใส่มาจนล้นคัน เริ่มตั้งแต่ กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน, จอทัชสกรีน Center Display ขนาด 7 นิ้ว, ระบบเชื่อมต่อ Mazda Connect รองรับการชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Android Auto แบบเสียบสายเคเบิล หรือ Apple CarPlay แบบ Wireless, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360° View Monitor, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ, เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง และกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Keyless Entry ฯลฯ

นอกจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทางด้านระบบความปลอดภัย i-Activsense ก็ใส่มาให้อุ่นใจมากพอตัว อาทิ ระบบ Mazda Radar Cruise Control ควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ และปรับระยะห่างให้ปลอดภัยจากรถคันหน้า , ระบบ Advanced SCBS (Advance Smart City Break Support) ช่วยเตือนเมื่อมีรถหรือคนเดินถนนด้านหน้ารถ พร้อมช่วยหยุดรถโดยอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันการชน , ระบบ Lane Departure Warning System ช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน, ระบบ Advanced Blind Spot Monitoring ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน , ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS, ระบบป้องกันล้อล็อคแบบแยกอิสระ 4W-ABS, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบเสริมแรงเบรค BA, ระบบควบคุมการทรงตัว DSC และระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอย พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด ด้านหลัง 4 จุด ฯลฯ

MAZDA 2 XDL SKYACTIV-D ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ที่ทั้งแรง และประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดรฟ์ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกสนาน และคล่องตัว นอกจากนี้ ในแง่ของการควบคุมรถ ยังโดดเด่นด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus) ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยําและสมดุลเวลาเข้าโค้งเพื่อให้ผู้ขับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ และให้ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่ง

ขุมพลังสกายแอคทีฟคลีนดีเซล พื้นฐานจะเป็นแบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนนวลสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองทั้งจากคันเกียร์ และ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ซึ่งเกียร์ชุดนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ส่วนใหญ่จะใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT การตอบสนองของเกียร์ 6 สปีด ชุดนี้จะออกมาในแนวสปอร์ตมีความดิบนิดๆ เน้นความสนุกสนานในการขับขี่เป็นหัวใจสำคัญ

การทำงานของเกียร์ จังหวะการสับเปลี่ยนตำแหน่งทำได้รวดเร็วมาก  รอยต่อระหว่างเกียร์แสดงให้ทราบเล็กน้อย แต่ไร้อาการกระตุก จากจุดหยุดนิ่งถ้ากดหนักออกตัวในทันทีด้วยแรงบิดระดับ 250 นิวตันเมตร แสดงผลแบบหนักแน่นตั้งแต่รอบต่ำ มีอาการดึงหลังติดเบาะเล็กๆ พร้อมความแรงพุ่งทะยานอย่างทันใจ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม ทำได้ประมาณ 10-10 วินาที และถ้าไม่ยกกดต่อเนื่องเข็มไมล์ขึ้นไปแตะ 150 กม./ชม.อย่างรวดเร็ว โดยมีความเร็วสูงสุดรองรับไว้ที่ 190 กม./ชม. ซึ่งความแรงระดับนี้ก็หายห่วงในเรื่องการเร่งแซงที่ปลอดภัย วางใจได้ในทุกช่วงความเร็ว

การควบคุมรถก็ยังคงข้อดี MAZDA 2 รุ่นนี้ ที่ให้การขับขี่ที่คล่องตัว ควบคุมง่าย พวงมาลัยให้น้ำหนักที่ดีมีความนิ่ง มั่นคง แม่นยำ ไม่เบามากเกินไปแม้จะใช้ระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยผ่อนแรง ขณะที่ช่วงล่างพื้นฐานเดิม ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ค่อนข้างน่าพอใจกับสมรรถนะที่ตอบสนองการใช้งานได้พอดีอยู่ตรงกลางระหว่างความนุ่มนวล และการยึดเกาะถนน ในเมืองขับสบายไปแบบนุ่มๆ มีแอบแข็งนิดๆ ส่วนช่วงความเร็วสูง หรือการขับเข้าโค้งก็ให้ความรู้สึกมั่นใจ ตัวรถค่อนข้างนิ่ง อาการโยนตัวน้อย จัดว่านุ่มหนึบตามสไตล์นิยมของมาสด้า และระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังแบบดิสก์เบรก การหยุด และชะลอรถ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานใช้งานได้อย่างมั่นใจ

การขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันทั้งในเมือง และการเดินทางไกล นอกเหนือจากความแรงขับสนุก จุดเด่นที่น่าสนใจ คือความประหยัดน้ำมันตามมาตรฐานอีโคคาร์ ซึ่งมาสด้าเคลมไว้ที่ 26.3 กม./ลิตร เรียกว่าให้ความประหยัดไม่น้อยหน้าเครื่องไฮบริด จากการขับขี่ใช้งานจริง ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เราทดลองขับใช้งานในหลายๆช่วงการเดินทางในเมืองตามสภาพจราจรตัวเลขเกิน 20 กม./ลิตร ทำได้ง่ายๆแบบไม่ต้องลุ้น ส่วนการเดินทางไกลความเร็วคงที่ ด้วยรอบเครื่องที่ค่อนข้างต่ำ 100 กม./ชม.ประมาณ 1,800 รอบ/นาที 120 กม./ชม ประมาณ 2,000 รอบ/นาที ความประหยัดก็ทำได้เกิน 25 กม./ลิตร สบายๆ และบางช่วงถ้าไม่รีบร้อนลองขับแบบสูงวัยตามกฎหมายกำหนด 80-90 กม./ชม.ค่าความประหยัดยังพุ่งทะลุอย่างเหลือเชื่อไปแตะ 30 กม./ลิตร!!

โดยสรุป MAZDA 2 ขุมพลังดีเซลรุ่นนี้ แม้ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวในการทำตลาดมานานพอสมควร จนมาถึงวันนี้ก็ยังมีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ใส่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนครบถ้วนจนเกินพอต่อการใช้งานตามยุคสมัย รวมไปถึงขุมพลังดีเซลบล็อคนี้ ก็โดดเด่นสุดๆ ทั้งด้านความแรง และประหยัดน้ำมัน เพียงแต่เจ้าของรถต้องดูแลถึงหน่อย โดยเฉพาะการเซอร์วิสตามระยะอย่าให้ขาด และเลือกใช้ของเหลวเกรดดีหน่อย เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาในการใช้งานระยะยาว อย่าคิดว่าเครื่องยนต์ดีเซลในรถเก๋งจะอึดทนทานแบบรถกระบะ การออกแบบ และพัฒนาค่อนข้างแตกต่างกันตามรูปแบบของรถ และคุณสมบัติในการใช้งาน!

การทำตลาด MAZDA 2 โมเดลปี 2024 มีจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่นย่อยมาตรฐาน และมีให้เลือกทั้งหมด 83 แบบ ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮทช์แบค 5 ประตู ทั้งแบบ Sport Design และ New Wave Design และรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น คือ Rookie Drive และ Clap Pop ในแบบแฮทช์แบค 5 ประตู

ราคาจำหน่าย NEW MAZDA 2 ปี 2024

- รุ่น 1.3 C SKYACTIV-G ราคา 599,000 บาท

- รุ่นย่อยใหม่ 1.3 S SKYACTIV-G ราคา 680,000 บาท

- รุ่น 1.3 SP SKYACTIV-G ราคา 730,000 บาท

- รุ่นย่อยใหม่ XD SKYACTIV-D ราคา 720,000 บาท

- XDL SKYACTIV-D ราคา 830,000 บาท

- รุ่นพิเศษ Rookie Drive Sports SKYACTIV-G ราคา 662,000 บาท

- รุ่นพิเศษ Clap Pop Sports  SKYACTIV-G ราคา 647,000 บาท

สุดท้ายนี้ถ้าต้องการสอบถามข้อมูลการขับขี่ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่รถยนต์รุ่นนี้ สามารถฝากข้อความไว้ที่แฟนเพจ FACEBOOK : Drivingplace.com ได้เลยครับ

TEST DRIVE  by WWW.DRIVINGPLACE.COM

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on วันเสาร์, 16 มีนาคม 2567 13:16
Kodrivingplace

EXECUTIVE EDITORlaughing

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์