สำหรับ BMW ซีรีส์ 3 2024 รหัสตัวถัง G20 รุ่นล่าสุดนี้ ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ และเทคโนโลยีใหม่ทั้งภายในและภายนอก ด้วยการออกแบบสไตล์สปอร์ตหรูหราและเน้นการควบคุมที่คล่องตัว สร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียมขนาดกลางได้อย่างน่าสนใจมากขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอกบริเวณกันชนหน้า และกันชนหลังชูความโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ต ด้วยชุดไฟหน้าและกระจังหน้าทรงไตคู่แบบใหม่ส่งให้ตัวรถสะดุดตายิ่งขึ้น ไฟหน้า Adaptive LED ถูกออกแบบให้เรียวลง ส่วนไฟส่องสว่างตอนกลางวันถูกออกแบบใหม่ในรูปทรงตัว L กลับหัว ให้ความกลมกลืนและล้ำสมัยกว่ารุ่นเดิม
การออกแบบห้องโดยสารเน้นความทันสมัย โดยให้ความสำคัญกับระบบดิจิทัลที่ล้ำยุค เน้นลดปุ่มสั่งงานต่าง ๆ เพื่อรองรับการควบคุมแบบสัมผัสและการสั่งงานด้วยเสียง ผ่านแผงหน้าปัดเป็นจอแสดงข้อมูลขนาด 12.3 นิ้ว หลังพวงมาลัย และหน้าจอควบคุมขนาด 14.9 นิ้ว ถูกผสานรวมกันเป็นจอแสดงผลดิจิทัลแบบโค้ง BMW Curved Display เพื่อสร้างการนำเสนอแบบดิจิทัลที่ให้ความคมชัดสูง ซอฟต์แวร์ที่มากับจอยังได้รับการอัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากบริการด้านดิจิทัลผ่านหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional โดยสามารถตั้งค่าการแสดงผลต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ หรือเลือกช่องทางในการเชื่อมต่อสื่อสารและควบคุมได้ตามความถนัด ทั้งผ่านจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบการสั่งงานด้วยเสียง ระบบเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive ส่วนการตกแต่งโดยรวมมีความหรูหราในสไตล์ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมออฟชั่นที่จำเป็นในการใช้งานตามยุคสมัยก็ใส่มาแบบครบถ้วนไม่แพ้รถหรูในคลาสเดียวกัน
BMW 320d M Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,500 รอบต่อนาที ตามสเปคโรงงานเคลมอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย รวมไปถึงคันเกียร์แบบใหม่เป็นสวิทซ์เลื่อนไม่มีคันเกียร์ที่คุ้นเคยอีกต่อไป
นอกจากขุมพลังดีเซลยอดนิยม ในส่วนของพี่น้องรวมโมเดลก็ยังมีขุมพลังทางเลือกในรุ่น BMW 330e M Sport เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริดและเทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังรวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดที 420 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรุ่นตัวแรง BMW M340i xDrive เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 387 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,900 - 5,000 รอบต่อนาที พุ่งทะยานจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ BMW 320d M Sport ยังมาพร้อม ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อช่วยควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ รวมถึงระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เซนเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง และระบบเตือนสถานะของยางอีกด้วย
เริ่มสัมผัสเหยียบเบรคดันสวิทซ์เกียร์เบาๆบริเวณคอนโซลกลาง ก็สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก P หรือ N ไป D หรือ R ได้อย่างนิ่มนวล ง่ายดาย สมรรถนะโดยรวม ต้องบอกว่าจัดจ้านตั้งแต่ออกตัว อัตราเร่งมาแบบหนักแน่นเกินตัว ถ้ากดจมตั้งแต่ออกตัวควรระวัง มีดึงกระชากพอสมควร ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง และช่วงความเร็วปลายตามสเปคความเร็วสูงสุดทำได้มากถึง 235 กม./ชม. แต่เราลองของกันตามสมควรตามสภาพการจราจรโดยเน้นความปลอดภัย ในช่วงความเร็วสูงระดับ 100-160 กม./ชม. ถือเป็นช่วงที่ขับสนุกความเร็วปรับลดขึ้นลงได้ทันใจตามน้ำหนักเท้า การเร่งแซงจึงวางใจได้เลยสำหรับขุมพลังดีเซลบล็อคนี้ ขณะที่ช่วงล่างก็ให้ความมั่นใจทุกช่วงความเร็ว ทั้งด้านความนิ่ง มั่นคง ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป รวมไปถึงการเบรก หรือชะลอความเร็ว โดยเฉพาะช่วงความเร็วสูง เอาอยู่จับหนึบ แน่น นิ่ง มั่นใจได้
การขับขี่ใช้งานทั่วไปๆ สามารถปรับโหมดพื้นฐานตามความต้องการได้ 3 แบบง่ายๆ คือ Eco Pro , Comfort , Sport (Eco และ Sport สามารถเลือกปรับเฉพาะบุคคลแบบ Individual ได้ด้วย) ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้า และความนุ่มของช่วงล่าง รวมถึงความจัดจ้านของรอบเครื่องยนต์ที่ต่างกัน โดยเฉพาะโหมด Sport จะให้ความรูสึกต่างจากโหมดอื่นๆอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องพวงมาลัยที่หนืด กระชับมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง สามารถเลี้ยวได้ไวแม่นยำ ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นใจ ขณะที่ช่วงล่างก็จะรู้สึกแข็งขึ้น ระยะการให้ตัวของโช้คอัพก็ออกแนวแน่นกระชับทำให้ตัวรถนิ่งมั่นคงมากขึ้น ส่วนการเร่งความเร็วก็จะโดดเด่นที่คันเร่งเบา กดนิดเดียวอัตราเร่งมาไว และสามารถลากรอบได้ยาวๆโดยที่เกียร์จะเปลี่ยนได้กว้างในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ช่วยให้การขับขี่สนุกสนาน เร่งได้แรง แซงได้เร็ว ในทุกรูปแบบการขับขี่ ส่วนโหมด Comfort เป็นโหมดมาตรฐาน เหมาะกับการขับแบบชิลๆ นุ่มๆ สบายๆ แต่ก็ยังคงความสมดุลย์ของสมรรถนะตามสไตล์ BMW ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สุดท้ายการขับขี่สบายๆเน้นความคุ้มค่าต้องยกให้โหมด Eco Pro จุดเด่นของระบบนี้ คือการขับขี่ใช้งานทั่วๆไประบบแอร์จะลดการทำความเย็นลงเพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ ในขณะยกคันเร่ง โดยไม่มีแรงฉุดจากเครื่องยนต์มาทำให้ความเร็วลดลง และการใช้โหมดนี้รอบเครื่องยนต์แต่ละช่วงความเร็วจะต่ำกว่าโหมดอื่นๆ ซึ่งมีผลด้านความประหยัดพอสมควร เมื่อใช้โหมด Eco Pro ก็จะเห็นผลชัดเจน ขับใช้งานทั่วๆไปในเมืองช่วงความเร็วต่ำไม่ถึงกับรถติดทำได้เกิน 16 กม./ลิตร สบายๆ ยิ่งนอกเมืองวิ่งทางยาวความเร็วคงที่ไม่เกิน 100 กม./ชม. เราลองให้ชัดเจนในหลายๆช่วงการเดินทางทำได้ประมาณ 23-25 กม./ลิตร ถือว่าให้ความประหยัดคุ้มค่า แบบไร้เทียมทานจริงๆสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลบล็อคนี้
โดยสรุป BMW 320d M Sport LCI ถือเป็นรถซีดานหรู สำหรับวิถีชีวิตในเมือง ที่มีดีรอบด้าน ทั้งความทันสมัย ความสวย ความหรู ความแรง และความประหยัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานรถหรูจากยุโรปอย่างจริงจัง ใช้กันได้ยาวๆเป็นสิบปี แบบไร้กังวล!!
การทำตลาด BMW ซีรีส์ 3 G20 รุ่นล่าสุด
- BMW 320d M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 2,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.)
- BMW 330e M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 2,949,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.)
- BMW M340i xDrive ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.)
สุดท้ายนี้ถ้าต้องการสอบถามข้อมูลการขับขี่ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่รถยนต์รุ่นนี้ สามารถฝากข้อความไว้ที่แฟนเพจ FACEBOOK : Drivingplace.com ได้เลยครับ
TEST DRIVE by WWW.DRIVINGPLACE.COM
